
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีป้องกันสนิมแบบระเหยหรือที่เรียกว่า VCI (Volatile Corrosion Inhibitor) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะในวงการ ยานยนต์ (Automotive) และ ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมโลหะ (Metal Parts Manufacturing) เนื่องจากสามารถช่วยลดการเกิดสนิมในระหว่างการจัดเก็บและขนส่งชิ้นส่วนโลหะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี VCI มิได้จำกัดอยู่แค่ในภาคยานยนต์เท่านั้น ปัจจุบันมีการนำมาใช้ใน อุตสาหกรรมพลังงานและโรงไฟฟ้า (Power Generation Industry) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่มีความต้องการการป้องกันสนิมและการกัดกร่อนในระดับสูง เนื่องจากเครื่องจักรและชิ้นส่วนหลัก เช่น Turbine Rotor, Stator, Generator Block, Exciter Rotor และ Exciter Stator ล้วนเป็นชิ้นส่วนโลหะที่มีมูลค่าสูง และต้องได้รับการดูแลอย่างรัดกุมในระหว่างการซ่อมบำรุง (Maintenance Shutdown)

ปัญหาการกัดกร่อนในโรงไฟฟ้า: ความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม
โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย มีการวางแผนหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักร (Plant Maintenance Outage) เป็นระยะ เพื่อทำการตรวจสอบและซ่อมแซมชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้คงประสิทธิภาพการผลิตพลังงานสูงสุด ช่วงเวลานี้เองที่อุปกรณ์และชิ้นส่วนโลหะจะต้องถูกถอดออกมาทำความสะอาด ตรวจสอบ หรือจัดเก็บในพื้นที่เปิดโล่ง
สภาพแวดล้อมในโรงงานมักมีความชื้นสูง มีฝุ่นละออง และบางพื้นที่อยู่ใกล้ทะเลหรือมีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเร่งการเกิด สนิม (Rust) และ การกัดกร่อน (Corrosion) บนผิวโลหะของเครื่องจักร ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายรุนแรง เช่น
- ลดประสิทธิภาพของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
- ทำให้ชิ้นส่วนไม่สามารถประกอบกลับได้อย่างแม่นยำ
- ต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ที่มีราคาสูง
- เสียเวลาในการซ่อมแซมเพิ่มเติม
- กระทบต่อแผนการผลิตพลังงานโดยรวม
ดังนั้น โรงไฟฟ้าสมัยใหม่จึงเริ่มให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีการป้องกันสนิมที่มีความปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น ซึ่ง VCI เป็นหนึ่งในทางออกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล